พลิ้วมนต์ธารา: สุดยอดคู่มือเยือนอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จันทบุรี
ณ ใจกลางเมืองจันท์ ที่ซึ่งกลิ่นอายของผลไม้และอัญมณีลอยอบอวล ยังมีสถานที่แห่งหนึ่งที่เก็บงำเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นซ่อนไว้ในม่านน้ำตก “อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว” ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สายน้ำใสเย็นไหลหล่อเลี้ยงผืนป่า แต่ยังเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์สยาม ที่ซึ่งสายน้ำได้จารึกไว้ทั้งตำนานแห่งความสุขและความอาลัยที่มิอาจลบเลือน
บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ ที่จะนำพาท่านไปสัมผัสทุกมิติของน้ำตกพลิ้ว ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ความรักอันลึกซึ้ง ไฮไลท์ทางธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ ประสบการณ์จริงจากผู้มาเยือน สู่คู่มือการเดินทางอย่างละเอียดจากทุกภูมิภาค
I. สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์: เปิดตำนานรัก ณ น้ำตกพลิ้ว
ความสำคัญของน้ำตกพลิ้วนั้นเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี หรือที่รู้จักกันในนาม “พระนางเรือล่ม” สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานแห่งความรักถึงสองแห่ง ที่สะท้อนอารมณ์สองห้วงเวลาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การเสด็จประพาสครั้งแรก และ “อลงกรณ์เจดีย์”
ในปี พ.ศ. 2417 (จุลศักราช 1236) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ได้เสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วเป็นครั้งแรก 1 ทั้งสองพระองค์ทรงมี “ความยินดีชอบใจ” ในความงดงามของธรรมชาติที่นี่เป็นอย่างยิ่ง 1
เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการเสด็จประพาสอันน่าประทับใจครั้งนั้น ในปี พ.ศ. 2419 รัชกาลที่ 5 จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “อลงกรณ์เจดีย์” ซึ่งเป็นเจดีย์ศิลาแลง ทรงกลมแบบลังกา ขึ้นบริเวณหน้าผาน้ำตก 1 อลงกรณ์เจดีย์จึงเปรียบเสมือนอนุสรณ์สถานแห่ง “ความสุข” และความทรงจำอันงดงามของทั้งสองพระองค์ที่มีต่อสถานที่แห่งนี้
โศกนาฏกรรม และ “พีระมิดพระนางเรือล่ม”
เพียงไม่กี่ปีถัดมา ในปี พ.ศ. 2423 โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้น เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุเรือพระประเทียบล่ม
ด้วยความอาลัยรักอย่างสุดซึ้ง รัชกาลที่ 5 ทรงตัดสินพระทัยเลือกสถานที่แห่งความทรงจำอันเปี่ยมสุข (น้ำตกพลิ้ว) ให้เป็นสถานที่สถิตแห่งความรักและความอาลัยของพระองค์ ในปี พ.ศ. 2424 พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “สถูป” หรือที่เรียกกันว่า “พีระมิดพระนางเรือล่ม” ขึ้น 1 สถูปแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้บรรจุพระอังคาร (เถ้ากระดูก) ของสมเด็จฯ พระบรมราชเทวี 1
การคงอยู่ของอนุสรณ์สถานทั้งสองแห่งในบริเวณเดียวกัน 1 ทำให้น้ำตกพลิ้วมีสถานะที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นเพียง “อนุสรณ์แห่งความสุข” (อลงกรณ์เจดีย์) ได้ถูกซ้อนทับด้วยความหมายใหม่ในฐานะ “อนุสรณ์สถานแห่งความรักนิรันดร์และความทุกข์” (พีระมิดพระนางเรือล่ม) ก่อให้เกิดมิติทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้มาเยือน
คำจารึกแห่งรักและความอาลัย
บนพีระมิดพระนางเรือล่ม รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้จารึกข้อความที่สะท้อนถึงความทุกข์โทมนัสอย่างสุดซึ้งของพระองค์ไว้ ความตอนหนึ่งระบุว่า:
“…ระลึกถึงความรัก แห่งสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชาเทวีอรรคมเหสี ซึ่งเสด็จทิวงคตแล้ว… อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์บรมราชผู้เป็นราชสวามี อันมีความทุกข์เพราะเธอเป็นอย่างยิ่ง…” 1
ข้อความจารึกนี้แสดงให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่และความเจ็บปวดรวดร้าวของ “ราชสวามี” ผู้เป็นที่รักยิ่ง อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่า แผ่นจารึกดั้งเดิมอันเป็นลายลักษณ์อักษรจากพระทัยของพระองค์นั้น ได้สูญหายไปในระหว่างการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2508 1
II. มนต์เสน่ห์แห่งอุทยานฯ: ไฮไลท์และสิ่งที่ห้ามพลาด
นอกเหนือจากประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ
ลักษณะทางกายภาพของ “น้ำตกพลิ้ว”
น้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี 4 ลักษณะเด่นของน้ำตกคือการประกอบด้วยสายธาร 2 สายที่ไหลมารวมกัน 4 สายหนึ่งไหลลดหลั่นมาตามซอกหินผา ในขณะที่อีกสายหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ทิ้งตัวดิ่งลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร 4
สายน้ำทั้งสองไหลรวมกันในแอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่าง ซึ่งมีความใสสะอาดอย่างน่าอัศจรรย์ จนสามารถมองเห็นพื้นทราย โขดหิน และฝูงปลาเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน แม้ในระดับความลึกกว่า 2 เมตร 4
“ปลาพลวงหิน”: ราชามีชีวิตแห่งสายน้ำ
ไฮไลท์สำคัญที่สุดที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของน้ำตกพลิ้ว คือฝูง “ปลาพลวงหิน” (Mahseer Barb) จำนวนมหาศาล 4 ที่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในแอ่งน้ำและลำธาร 3
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทุกคนห้ามพลาด คือการลงเล่นน้ำท่ามกลางฝูงปลาพลวงหินเหล่านี้ 5 ซึ่งปลาที่นี่มีความคุ้นเคยกับมนุษย์อย่างมาก 7 นักท่องเที่ยวสามารถซื้อถั่วฝักยาว (อาหารยอดนิยมของปลา) เพื่อป้อนพวกมัน 8 หรือเพียงแค่หย่อนเท้าลงไปในน้ำ ฝูงปลานับร้อยก็จะเข้ามารุมตอดเบาๆ ทำหน้าที่เป็น “สปาเท้าปลา” ตามธรรมชาติ 9
ความอุดมสมบูรณ์ของปลาพลวงหินเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากกฎของอุทยานฯ เพียงอย่างเดียว แต่มีกลไกการป้องกันตัวทางชีวภาพที่น่าทึ่งซ่อนอยู่ ข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์และคนในพื้นที่ระบุว่า ปลาพลวงหินที่นี่ไม่เป็นที่นิยมในการบริโภค เนื่องจากพวกมันกินพืชและผลไม้ป่า เช่น ลูกไทร ที่มีพิษสะสมในธรรมชาติ 3 พิษเหล่านี้จะสะสมอยู่ในตัวปลา หากมนุษย์นำไปบริโภคจะเกิดอาการมึนเมาอย่างรุนแรง 3
กลไกการป้องกันตัวทางชีวภาพนี้เอง คือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้มนุษย์ไม่ล่าปลาพลวงหินเพื่อการบริโภค และนำไปสู่ “ผลลัพธ์” คือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคนกับปลา สร้างระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยั่งยืนอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงปลาพลวงหิน หากโชคดี นักท่องเที่ยวอาจได้พบกับ “ตะกอง” หรือ “ลั้ง” (Chinese Water Dragon) สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่สีเขียวสวยงาม ที่มักออกมาอาบแดดบนโขดหิน 3 ซึ่งได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยวว่าเป็น “พระเอกแห่งน้ำตกพลิ้ว” รวมถึงผีเสื้อหลากสีสันนานาพันธุ์ที่บินอวดโฉมตลอดเส้นทางเดิน 3
III. เสียงจากผู้มาเยือน: 8 ประสบการณ์จริงจากน้ำตกพลิ้ว
เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นี่คือ 8 ประสบการณ์จริงที่รวบรวมจากนักท่องเที่ยว 8 สไตล์ ที่ได้มาสัมผัสเสน่ห์ของน้ำตกพลิ้ว:
- เสียงจาก “คู่รักนักประวัติศาสตร์” 9″ที่นี่คือสวรรค์กลางป่าที่มีตำนานรักเหนือกาลเวลา แอ่งน้ำสีเขียวมรกตใสมาก แค่หย่อนเท้าปลาก็มาตอดเบาๆ เหมือนทำสปา ท่ามกลางเสียงน้ำตกและเสียงนกร้อง มันโรแมนติกและเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของอลงกรณ์เจดีย์อย่างน่าทึ่ง”
- เสียงจาก “ครอบครัวสายชิล” 9″สะดวกสบายมากค่ะ มีที่จอดรถ ซื้อตั๋วผู้ใหญ่ 40 บาท เดินไม่ไกล หรือจะนั่งรถกอล์ฟคนละ 10 บาทก็ได้ ช่วงที่ไปน้ำน้อย แต่ก็ยังมีน้ำให้เด็กๆ เล่นได้ น้ำเย็นสบาย ผู้ใหญ่ก็ยังชอบ แนะนำสำหรับวันพักผ่อนของครอบครัว”
- เสียงจาก “นักวางแผน (สายประหยัด)” 9″คำแนะนำช่วงวันหยุด: ที่จอดรถอุทยานฯ น้อยและอาจเต็ม ให้ไปใช้ลานจอดเอกชนใกล้ๆ 20 บาท คุ้มกว่าค่ะ ค่ารถกอล์ฟ 10 บาทช่วยประหยัดแรงผู้ใหญ่ได้เยอะ ใครอยากกางเต็นท์ติดต่อศูนย์บริการฯ ได้เลย”
- เสียงจาก “นักท่องเที่ยวสายด่วน” 9″ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็คุ้มแล้ว ทางเดินง่าย ร่มรื่น น้ำตกสูง 20 เมตร สวยงาม สดชื่น ปลาพลวงเยอะมากและตัวใหญ่จริงๆ แค่ยืนดูก็เพลินแล้ว”
- เสียงจาก “แบ็คแพ็คเกอร์ (ลุยเดี่ยว)” 8″ทริปโซโล่งบ 700 บาท นั่งรถตู้จากข้างเซ็นจูรี่ 200 บาท คำเตือน: โดนค่าสองแถวจากตลาดน้ำพุไปน้ำตก 150 บาท (ราคาเหมา) ทั้งที่ราคาปกติแบบรอคนเต็มแค่ 25 บาท ต้องตกลงราคาก่อนขึ้น! แต่พอถึงอุทยานฯ คือคุ้ม ซื้อถั่วฝักยาว 10 บาท ป้อนปลาสนุกมาก”
- เสียงจาก “นักสำรวจธรรมชาติ” 3″ชิลล์หนักมาก ขี่มอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองแค่ 15 นาที ไฮไลท์ไม่ใช่แค่ปลา (ที่เขาว่ากินแล้วเมา) แต่โชคดีมากที่เจอ ‘ตะกอง’ พระเอกของที่นี่ ตัวใหญ่หล่อล่ำมาก บ่งบอกว่าป่ายังสมบูรณ์จริง”
- เสียงจาก “คนขับรถ (สายชิล)” 7″ขับรถจากกรุงเทพฯ 3-4 ชั่วโมง คำเตือน: ระวังโดนจับความเร็วช่วงออกจากแกลง! พอถึงน้ำตกคือหายเหนื่อย ปลาเยอะมากและไม่ดุเลย ลงไปถ่ายรูปเล่นกับปลาได้สบาย”
- เสียงจาก “กลุ่มเพื่อน (สายค้างคืน)” 11″ทริป 2 วัน 1 คืน งบไม่ถึงพัน! (812 บาท ไม่รวมค่ากิน) เราจองบ้านพักอุทยานฯ หลังละ 1,800 นอนได้ 6 คน (ตกคนละ 300) คุ้มมาก เล่นน้ำถึง 5 โมงเย็น เช้าตื่นไปดูหมอกที่จุดชมวิว… ฟินสุดๆ”
IV. คู่มือการเข้าชมและการติดต่อ (Visitor’s Guide)
การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การเดินทางราบรื่น ข้อมูลต่อไปนี้คือรายละเอียดสำคัญสำหรับการเข้าชมอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
| รายการ | ข้อมูล | แหล่งอ้างอิง |
| ที่อยู่ (Address) | 41 หมู่ที่ 12 ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 22190 | 12 |
| จุดที่ตั้ง (Location) | ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 14-17 กิโลเมตร | 3 |
| เบอร์โทรศัพท์ (Phone) | 039-434-528 | 4 |
| อีเมล (Email) | namtokphlio_np@hotmail.com | 4 |
| อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว – Namtok Phlio National Park | 14 | |
| เวลาทำการ (Hours) | 08:00 น. – 16:30 น. | 13 |
| หมายเหตุเวลา | เจ้าหน้าที่อาจอนุญาตให้เล่นน้ำได้ถึงเวลา 17:00 น. 11 และร้านค้าสวัสดิการอาจเปิดให้บริการ 07:00-17:00 น. 14 ควรโทรสอบถามเพื่อความชัดเจน | 11 |
| อัตราค่าเข้า (คนไทย) | ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท | 5 |
| อัตราค่าเข้า (ต่างชาติ) | ผู้ใหญ่ 200 บาท, เด็ก 100 บาท | 8 |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | ที่จอดรถ 10, รถกอล์ฟบริการ (10 บาท) 9, ร้านค้าสวัสดิการ 14, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 9, บ้านพักและลานกางเต็นท์ 9 |
V. คู่มือการเดินทางฉบับสมบูรณ์: จากกรุงเทพมหานคร
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังน้ำตกพลิ้วมีหลายทางเลือกที่สะดวกสบาย ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ
| วิธีการเดินทาง | รายละเอียดเส้นทางและคำแนะนำ |
| วิธีที่ 1: รถยนต์ส่วนตัว (สะดวกที่สุด) | เส้นทางหลัก: ใช้ทางหลวงพิเศษ (Motorway) หรือ ถ.บางนา-ตราด (สุขุมวิท) มุ่งหน้า จ.ตราด 7 จุดเลี้ยวสำคัญ: เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 347 (จะมีป้ายบอกทางชัดเจน) ขับต่อไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรจะถึงที่ทำการอุทยานฯ 10 ระยะทาง/เวลา: ประมาณ 249 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3.5 – 4 ชั่วโมง 16 ที่จอดรถ: มี 2 โซน: 1. ลานจอดฟรีของอุทยานฯ (อาจต้องเดินไกลและชันเล็กน้อย) 2. ลานจอดเอกชน (ใกล้ทางเข้า ค่าจอด 20-40 บาท) 9 |
| วิธีที่ 2: รถตู้ (แนะนำสำหรับสายตรง) | คำแนะนำ: ควรเลือกใช้บริการรถตู้ที่ระบุปลายทางว่าไป “พลิ้ว” หรือ “แหลมสิงห์” 17 ผู้ให้บริการ (ตัวอย่าง): 555 Van Service 17 เส้นทาง: กรุงเทพฯ – จันทบุรี – พลิ้ว – แหลมสิงห์ 17 ข้อดี: รถตู้ประเภทนี้จะจอดส่งผู้โดยสารใกล้ทางเข้าน้ำตกพลิ้ว 17 ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการต่อรถสองแถวจากตัวเมือง |
| วิธีที่ 3: รถทัวร์ / รถตู้ (ลงตัวเมือง) | ผู้ให้บริการ: บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส. 999), เชิดชัยทัวร์, เกาะช้างกรุงเทพเดินรถ 16 หรือรถตู้สายกรุงเทพฯ-จันทบุรี 8 จุดหมาย: สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.จันทบุรี 16 หรือ ตลาดน้ำพุ 8 การเดินทางต่อ: ต้องหารถสองแถวท้องถิ่นเพื่อไปยังน้ำตก ข้อควรระวัง: ต้องตกลงราคาให้ชัดเจนก่อนขึ้นรถ ราคาเหมาอาจสูงถึง 150-200 บาท แต่ถ้ารอผู้โดยสารเต็ม (รถประจำทาง) ราคาควรอยู่ที่ประมาณ 20-25 บาท 8 |
VI. คู่มือการเดินทางฉบับสมบูรณ์: จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน)
สำหรับการเดินทางจากภาคอีสาน กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการใช้จังหวัด “นครราชสีมา (โคราช)” เป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการเดินทาง เนื่องจากจังหวัดส่วนใหญ่ในภาคอีสาน เช่น ขอนแก่น ไม่มีรถโดยสารสายตรงมายังจันทบุรี 18
การเดินทางจาก นครราชสีมา (โคราช)
| วิธีการเดินทาง | รายละเอียดเส้นทางและคำแนะนำ |
| วิธีที่ 1: รถยนต์ส่วนตัว (เส้นทางแนะนำ) | เส้นทาง (ผ่านสระแก้ว): ใช้ ถ. 304 (โคราช – ปักธงชัย – วังน้ำเขียว – กบินทร์บุรี) > เมื่อถึงสี่แยกกบินทร์บุรี ให้เลี้ยวซ้ายเข้า ถ. 33 (มุ่งหน้าสระแก้ว) > เมื่อถึงสระแก้ว ให้เลี้ยวขวาเข้า ถ. 317 (สระแก้ว – จันทบุรี) 20 ข้อดี: เป็นเส้นทางที่ได้รับคำแนะนำว่ามีระยะทางใกล้กว่าเส้นทางอื่น 20 |
| วิธีที่ 2: รถยนต์ส่วนตัว (เส้นทางรอง) | เส้นทาง (ผ่านปราจีนฯ/แกลง): ใช้ ถ. 304 (เช่นเดียวกับเส้นทางแรก) > เมื่อถึงสี่แยกกบินทร์บุรี ให้ขับตรงไป > เลี้ยวซ้ายเข้า ถ. 331 > ขับจนบรรจบกับ ถ. 344 (บ้านบึง-แกลง) > เมื่อถึง อ.แกลง ให้เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.สุขุมวิท (ถ. 3) เพื่อมุ่งหน้าไปจันทบุรี 20 |
| วิธีที่ 3: รถทัวร์ (สายตรง) | ผู้ให้บริการ: มีรถทัวร์สายตรงให้บริการ เช่น บริษัท วิศวกรเสนา จำกัด 20, บริษัท เชิดชัยทัวร์ 22 เส้นทาง: นครราชสีมา – จันทบุรี 21 ระยะเวลา: ประมาณ 6-8 ชั่วโมง 23 ข้อควรพิจารณา: รถทัวร์อาจมีการจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางบ่อย 20 |
การเดินทางจาก ขอนแก่น และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคอีสาน
- รถยนต์ส่วนตัว: ขับรถมาตาม ถ.มิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข 2) มุ่งหน้า นครราชสีมา (ระยะทางประมาณ 515 กม. หรือ 7-8 ชั่วโมง จากขอนแก่น 19) จากนั้นเลือกใช้เส้นทาง “นครราชสีมา – จันทบุรี” ตามที่ระบุไว้ในตารางข้างต้น
- รถสาธารณะ (ทางเลือกที่ 1 – ดีที่สุด):
- นั่งรถทัวร์ หรือ รถไฟ จากขอนแก่น (หรือจังหวัดต้นทางอื่น ๆ) มาลงที่ สถานีขนส่งผู้โดยสาร นครราชสีมา
- จากนั้น ต่อรถทัวร์สายตรง “นครราชสีมา – จันทบุรี” ของผู้ให้บริการเช่น วิศวกรเสนา หรือ เชิดชัยทัวร์ 21
- รถสาธารณะ (ทางเลือกที่ 2 – ใช้เวลามาก):
- นั่งรถทัวร์, รถไฟ หรือ เครื่องบิน จากขอนแก่น มาลงที่ กรุงเทพมหานคร (เช่น สถานีขนส่งหมอชิต) 19
- จากนั้น ต่อรถทัวร์ หรือ รถตู้ “กรุงเทพฯ – จันทบุรี/พลิ้ว” ตามคู่มือในหัวข้อ V
VII. บทสรุป: พลิ้ว…มากกว่าแค่สายน้ำ
การมาเยือนอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จึงไม่ใช่แค่การมาท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพื่อชมสายน้ำที่สวยงามและฝูงปลาที่น่าตื่นตา 4 แต่ยังเปรียบเสมือนการมาเยือน “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” ที่บันทึกหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของสยาม ทั้งความรัก ความสุข และความอาลัย 1
ที่นี่คือจุดบรรจบที่ลงตัวระหว่างความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ (ฝูงปลาพลวงที่ปลอดภัยเพราะพิษในตัว 3 และตะกองที่บ่งชี้ความสมบูรณ์ของป่า) กับความลึกซึ้งของเรื่องราวในอดีต (พีระมิดพระนางเรือล่ม 2) ทำให้น้ำตกพลิ้วเป็นจุดหมายปลายทางที่ “ครบถ้วน” ทั้งสำหรับร่างกายที่ต้องการความสดชื่น และจิตวิญญาณที่ต้องการดื่มด่ำกับเรื่องราวอันทรงคุณค่า



แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : พลิ้วมนต์ธารา: สุดยอดคู่มือเยือนอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จันทบุรี