พลิ้วมนต์ธารา: สุดยอดคู่มือเยือนอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จันทบุรี

ชวนเพื่อนเที่ยวได้เลยจ้า

ณ ใจกลางเมืองจันท์ ที่ซึ่งกลิ่นอายของผลไม้และอัญมณีลอยอบอวล ยังมีสถานที่แห่งหนึ่งที่เก็บงำเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นซ่อนไว้ในม่านน้ำตก “อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว” ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สายน้ำใสเย็นไหลหล่อเลี้ยงผืนป่า แต่ยังเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์สยาม ที่ซึ่งสายน้ำได้จารึกไว้ทั้งตำนานแห่งความสุขและความอาลัยที่มิอาจลบเลือน

บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ ที่จะนำพาท่านไปสัมผัสทุกมิติของน้ำตกพลิ้ว ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ความรักอันลึกซึ้ง ไฮไลท์ทางธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ ประสบการณ์จริงจากผู้มาเยือน สู่คู่มือการเดินทางอย่างละเอียดจากทุกภูมิภาค

I. สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์: เปิดตำนานรัก ณ น้ำตกพลิ้ว

ความสำคัญของน้ำตกพลิ้วนั้นเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี หรือที่รู้จักกันในนาม “พระนางเรือล่ม” สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานแห่งความรักถึงสองแห่ง ที่สะท้อนอารมณ์สองห้วงเวลาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การเสด็จประพาสครั้งแรก และ “อลงกรณ์เจดีย์”

ในปี พ.ศ. 2417 (จุลศักราช 1236) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ได้เสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วเป็นครั้งแรก 1 ทั้งสองพระองค์ทรงมี “ความยินดีชอบใจ” ในความงดงามของธรรมชาติที่นี่เป็นอย่างยิ่ง 1

เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการเสด็จประพาสอันน่าประทับใจครั้งนั้น ในปี พ.ศ. 2419 รัชกาลที่ 5 จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “อลงกรณ์เจดีย์” ซึ่งเป็นเจดีย์ศิลาแลง ทรงกลมแบบลังกา ขึ้นบริเวณหน้าผาน้ำตก 1 อลงกรณ์เจดีย์จึงเปรียบเสมือนอนุสรณ์สถานแห่ง “ความสุข” และความทรงจำอันงดงามของทั้งสองพระองค์ที่มีต่อสถานที่แห่งนี้

โศกนาฏกรรม และ “พีระมิดพระนางเรือล่ม”

เพียงไม่กี่ปีถัดมา ในปี พ.ศ. 2423 โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้น เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุเรือพระประเทียบล่ม

ด้วยความอาลัยรักอย่างสุดซึ้ง รัชกาลที่ 5 ทรงตัดสินพระทัยเลือกสถานที่แห่งความทรงจำอันเปี่ยมสุข (น้ำตกพลิ้ว) ให้เป็นสถานที่สถิตแห่งความรักและความอาลัยของพระองค์ ในปี พ.ศ. 2424 พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “สถูป” หรือที่เรียกกันว่า “พีระมิดพระนางเรือล่ม” ขึ้น 1 สถูปแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้บรรจุพระอังคาร (เถ้ากระดูก) ของสมเด็จฯ พระบรมราชเทวี 1

การคงอยู่ของอนุสรณ์สถานทั้งสองแห่งในบริเวณเดียวกัน 1 ทำให้น้ำตกพลิ้วมีสถานะที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นเพียง “อนุสรณ์แห่งความสุข” (อลงกรณ์เจดีย์) ได้ถูกซ้อนทับด้วยความหมายใหม่ในฐานะ “อนุสรณ์สถานแห่งความรักนิรันดร์และความทุกข์” (พีระมิดพระนางเรือล่ม) ก่อให้เกิดมิติทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้มาเยือน

คำจารึกแห่งรักและความอาลัย

บนพีระมิดพระนางเรือล่ม รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้จารึกข้อความที่สะท้อนถึงความทุกข์โทมนัสอย่างสุดซึ้งของพระองค์ไว้ ความตอนหนึ่งระบุว่า:

“…ระลึกถึงความรัก แห่งสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชาเทวีอรรคมเหสี ซึ่งเสด็จทิวงคตแล้ว… อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์บรมราชผู้เป็นราชสวามี อันมีความทุกข์เพราะเธอเป็นอย่างยิ่ง…” 1

ข้อความจารึกนี้แสดงให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่และความเจ็บปวดรวดร้าวของ “ราชสวามี” ผู้เป็นที่รักยิ่ง อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่า แผ่นจารึกดั้งเดิมอันเป็นลายลักษณ์อักษรจากพระทัยของพระองค์นั้น ได้สูญหายไปในระหว่างการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2508 1

II. มนต์เสน่ห์แห่งอุทยานฯ: ไฮไลท์และสิ่งที่ห้ามพลาด

นอกเหนือจากประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ

ลักษณะทางกายภาพของ “น้ำตกพลิ้ว”

น้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี 4 ลักษณะเด่นของน้ำตกคือการประกอบด้วยสายธาร 2 สายที่ไหลมารวมกัน 4 สายหนึ่งไหลลดหลั่นมาตามซอกหินผา ในขณะที่อีกสายหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ทิ้งตัวดิ่งลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร 4

สายน้ำทั้งสองไหลรวมกันในแอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่าง ซึ่งมีความใสสะอาดอย่างน่าอัศจรรย์ จนสามารถมองเห็นพื้นทราย โขดหิน และฝูงปลาเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน แม้ในระดับความลึกกว่า 2 เมตร 4

“ปลาพลวงหิน”: ราชามีชีวิตแห่งสายน้ำ

ไฮไลท์สำคัญที่สุดที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของน้ำตกพลิ้ว คือฝูง “ปลาพลวงหิน” (Mahseer Barb) จำนวนมหาศาล 4 ที่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในแอ่งน้ำและลำธาร 3

กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทุกคนห้ามพลาด คือการลงเล่นน้ำท่ามกลางฝูงปลาพลวงหินเหล่านี้ 5 ซึ่งปลาที่นี่มีความคุ้นเคยกับมนุษย์อย่างมาก 7 นักท่องเที่ยวสามารถซื้อถั่วฝักยาว (อาหารยอดนิยมของปลา) เพื่อป้อนพวกมัน 8 หรือเพียงแค่หย่อนเท้าลงไปในน้ำ ฝูงปลานับร้อยก็จะเข้ามารุมตอดเบาๆ ทำหน้าที่เป็น “สปาเท้าปลา” ตามธรรมชาติ 9

ความอุดมสมบูรณ์ของปลาพลวงหินเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากกฎของอุทยานฯ เพียงอย่างเดียว แต่มีกลไกการป้องกันตัวทางชีวภาพที่น่าทึ่งซ่อนอยู่ ข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์และคนในพื้นที่ระบุว่า ปลาพลวงหินที่นี่ไม่เป็นที่นิยมในการบริโภค เนื่องจากพวกมันกินพืชและผลไม้ป่า เช่น ลูกไทร ที่มีพิษสะสมในธรรมชาติ 3 พิษเหล่านี้จะสะสมอยู่ในตัวปลา หากมนุษย์นำไปบริโภคจะเกิดอาการมึนเมาอย่างรุนแรง 3

กลไกการป้องกันตัวทางชีวภาพนี้เอง คือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้มนุษย์ไม่ล่าปลาพลวงหินเพื่อการบริโภค และนำไปสู่ “ผลลัพธ์” คือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคนกับปลา สร้างระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยั่งยืนอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ

ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงปลาพลวงหิน หากโชคดี นักท่องเที่ยวอาจได้พบกับ “ตะกอง” หรือ “ลั้ง” (Chinese Water Dragon) สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่สีเขียวสวยงาม ที่มักออกมาอาบแดดบนโขดหิน 3 ซึ่งได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยวว่าเป็น “พระเอกแห่งน้ำตกพลิ้ว” รวมถึงผีเสื้อหลากสีสันนานาพันธุ์ที่บินอวดโฉมตลอดเส้นทางเดิน 3

III. เสียงจากผู้มาเยือน: 8 ประสบการณ์จริงจากน้ำตกพลิ้ว

เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นี่คือ 8 ประสบการณ์จริงที่รวบรวมจากนักท่องเที่ยว 8 สไตล์ ที่ได้มาสัมผัสเสน่ห์ของน้ำตกพลิ้ว:

  1. เสียงจาก “คู่รักนักประวัติศาสตร์” 9″ที่นี่คือสวรรค์กลางป่าที่มีตำนานรักเหนือกาลเวลา แอ่งน้ำสีเขียวมรกตใสมาก แค่หย่อนเท้าปลาก็มาตอดเบาๆ เหมือนทำสปา ท่ามกลางเสียงน้ำตกและเสียงนกร้อง มันโรแมนติกและเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของอลงกรณ์เจดีย์อย่างน่าทึ่ง”
  2. เสียงจาก “ครอบครัวสายชิล” 9″สะดวกสบายมากค่ะ มีที่จอดรถ ซื้อตั๋วผู้ใหญ่ 40 บาท เดินไม่ไกล หรือจะนั่งรถกอล์ฟคนละ 10 บาทก็ได้ ช่วงที่ไปน้ำน้อย แต่ก็ยังมีน้ำให้เด็กๆ เล่นได้ น้ำเย็นสบาย ผู้ใหญ่ก็ยังชอบ แนะนำสำหรับวันพักผ่อนของครอบครัว”
  3. เสียงจาก “นักวางแผน (สายประหยัด)” 9″คำแนะนำช่วงวันหยุด: ที่จอดรถอุทยานฯ น้อยและอาจเต็ม ให้ไปใช้ลานจอดเอกชนใกล้ๆ 20 บาท คุ้มกว่าค่ะ ค่ารถกอล์ฟ 10 บาทช่วยประหยัดแรงผู้ใหญ่ได้เยอะ ใครอยากกางเต็นท์ติดต่อศูนย์บริการฯ ได้เลย”
  4. เสียงจาก “นักท่องเที่ยวสายด่วน” 9″ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็คุ้มแล้ว ทางเดินง่าย ร่มรื่น น้ำตกสูง 20 เมตร สวยงาม สดชื่น ปลาพลวงเยอะมากและตัวใหญ่จริงๆ แค่ยืนดูก็เพลินแล้ว”
  5. เสียงจาก “แบ็คแพ็คเกอร์ (ลุยเดี่ยว)” 8″ทริปโซโล่งบ 700 บาท นั่งรถตู้จากข้างเซ็นจูรี่ 200 บาท คำเตือน: โดนค่าสองแถวจากตลาดน้ำพุไปน้ำตก 150 บาท (ราคาเหมา) ทั้งที่ราคาปกติแบบรอคนเต็มแค่ 25 บาท ต้องตกลงราคาก่อนขึ้น! แต่พอถึงอุทยานฯ คือคุ้ม ซื้อถั่วฝักยาว 10 บาท ป้อนปลาสนุกมาก”
  6. เสียงจาก “นักสำรวจธรรมชาติ” 3″ชิลล์หนักมาก ขี่มอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองแค่ 15 นาที ไฮไลท์ไม่ใช่แค่ปลา (ที่เขาว่ากินแล้วเมา) แต่โชคดีมากที่เจอ ‘ตะกอง’ พระเอกของที่นี่ ตัวใหญ่หล่อล่ำมาก บ่งบอกว่าป่ายังสมบูรณ์จริง”
  7. เสียงจาก “คนขับรถ (สายชิล)” 7″ขับรถจากกรุงเทพฯ 3-4 ชั่วโมง คำเตือน: ระวังโดนจับความเร็วช่วงออกจากแกลง! พอถึงน้ำตกคือหายเหนื่อย ปลาเยอะมากและไม่ดุเลย ลงไปถ่ายรูปเล่นกับปลาได้สบาย”
  8. เสียงจาก “กลุ่มเพื่อน (สายค้างคืน)” 11″ทริป 2 วัน 1 คืน งบไม่ถึงพัน! (812 บาท ไม่รวมค่ากิน) เราจองบ้านพักอุทยานฯ หลังละ 1,800 นอนได้ 6 คน (ตกคนละ 300) คุ้มมาก เล่นน้ำถึง 5 โมงเย็น เช้าตื่นไปดูหมอกที่จุดชมวิว… ฟินสุดๆ”

IV. คู่มือการเข้าชมและการติดต่อ (Visitor’s Guide)

การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การเดินทางราบรื่น ข้อมูลต่อไปนี้คือรายละเอียดสำคัญสำหรับการเข้าชมอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

รายการข้อมูลแหล่งอ้างอิง
ที่อยู่ (Address)41 หมู่ที่ 12 ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 2219012
จุดที่ตั้ง (Location)ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 14-17 กิโลเมตร3
เบอร์โทรศัพท์ (Phone)039-434-5284
อีเมล (Email)namtokphlio_np@hotmail.com4
Facebookอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว – Namtok Phlio National Park14
เวลาทำการ (Hours)08:00 น. – 16:30 น.13
หมายเหตุเวลาเจ้าหน้าที่อาจอนุญาตให้เล่นน้ำได้ถึงเวลา 17:00 น. 11 และร้านค้าสวัสดิการอาจเปิดให้บริการ 07:00-17:00 น. 14 ควรโทรสอบถามเพื่อความชัดเจน11
อัตราค่าเข้า (คนไทย)ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท5
อัตราค่าเข้า (ต่างชาติ)ผู้ใหญ่ 200 บาท, เด็ก 100 บาท8
สิ่งอำนวยความสะดวกที่จอดรถ 10, รถกอล์ฟบริการ (10 บาท) 9, ร้านค้าสวัสดิการ 14, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 9, บ้านพักและลานกางเต็นท์ 9

V. คู่มือการเดินทางฉบับสมบูรณ์: จากกรุงเทพมหานคร

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังน้ำตกพลิ้วมีหลายทางเลือกที่สะดวกสบาย ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ

วิธีการเดินทางรายละเอียดเส้นทางและคำแนะนำ
วิธีที่ 1: รถยนต์ส่วนตัว (สะดวกที่สุด)เส้นทางหลัก: ใช้ทางหลวงพิเศษ (Motorway) หรือ ถ.บางนา-ตราด (สุขุมวิท) มุ่งหน้า จ.ตราด 7
จุดเลี้ยวสำคัญ: เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 347 (จะมีป้ายบอกทางชัดเจน) ขับต่อไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรจะถึงที่ทำการอุทยานฯ 10
ระยะทาง/เวลา: ประมาณ 249 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3.5 – 4 ชั่วโมง 16
ที่จอดรถ: มี 2 โซน: 1. ลานจอดฟรีของอุทยานฯ (อาจต้องเดินไกลและชันเล็กน้อย) 2. ลานจอดเอกชน (ใกล้ทางเข้า ค่าจอด 20-40 บาท) 9
วิธีที่ 2: รถตู้ (แนะนำสำหรับสายตรง)คำแนะนำ: ควรเลือกใช้บริการรถตู้ที่ระบุปลายทางว่าไป “พลิ้ว” หรือ “แหลมสิงห์” 17
ผู้ให้บริการ (ตัวอย่าง): 555 Van Service 17
เส้นทาง: กรุงเทพฯ – จันทบุรี – พลิ้ว – แหลมสิงห์ 17
ข้อดี: รถตู้ประเภทนี้จะจอดส่งผู้โดยสารใกล้ทางเข้าน้ำตกพลิ้ว 17 ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการต่อรถสองแถวจากตัวเมือง
วิธีที่ 3: รถทัวร์ / รถตู้ (ลงตัวเมือง)ผู้ให้บริการ: บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส. 999), เชิดชัยทัวร์, เกาะช้างกรุงเทพเดินรถ 16 หรือรถตู้สายกรุงเทพฯ-จันทบุรี 8
จุดหมาย: สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.จันทบุรี 16 หรือ ตลาดน้ำพุ 8
การเดินทางต่อ: ต้องหารถสองแถวท้องถิ่นเพื่อไปยังน้ำตก
ข้อควรระวัง: ต้องตกลงราคาให้ชัดเจนก่อนขึ้นรถ ราคาเหมาอาจสูงถึง 150-200 บาท แต่ถ้ารอผู้โดยสารเต็ม (รถประจำทาง) ราคาควรอยู่ที่ประมาณ 20-25 บาท 8

VI. คู่มือการเดินทางฉบับสมบูรณ์: จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน)

สำหรับการเดินทางจากภาคอีสาน กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการใช้จังหวัด “นครราชสีมา (โคราช)” เป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการเดินทาง เนื่องจากจังหวัดส่วนใหญ่ในภาคอีสาน เช่น ขอนแก่น ไม่มีรถโดยสารสายตรงมายังจันทบุรี 18

การเดินทางจาก นครราชสีมา (โคราช)

วิธีการเดินทางรายละเอียดเส้นทางและคำแนะนำ
วิธีที่ 1: รถยนต์ส่วนตัว (เส้นทางแนะนำ)เส้นทาง (ผ่านสระแก้ว): ใช้ ถ. 304 (โคราช – ปักธงชัย – วังน้ำเขียว – กบินทร์บุรี) > เมื่อถึงสี่แยกกบินทร์บุรี ให้เลี้ยวซ้ายเข้า ถ. 33 (มุ่งหน้าสระแก้ว) > เมื่อถึงสระแก้ว ให้เลี้ยวขวาเข้า ถ. 317 (สระแก้ว – จันทบุรี) 20
ข้อดี: เป็นเส้นทางที่ได้รับคำแนะนำว่ามีระยะทางใกล้กว่าเส้นทางอื่น 20
วิธีที่ 2: รถยนต์ส่วนตัว (เส้นทางรอง)เส้นทาง (ผ่านปราจีนฯ/แกลง): ใช้ ถ. 304 (เช่นเดียวกับเส้นทางแรก) > เมื่อถึงสี่แยกกบินทร์บุรี ให้ขับตรงไป > เลี้ยวซ้ายเข้า ถ. 331 > ขับจนบรรจบกับ ถ. 344 (บ้านบึง-แกลง) > เมื่อถึง อ.แกลง ให้เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.สุขุมวิท (ถ. 3) เพื่อมุ่งหน้าไปจันทบุรี 20
วิธีที่ 3: รถทัวร์ (สายตรง)ผู้ให้บริการ: มีรถทัวร์สายตรงให้บริการ เช่น บริษัท วิศวกรเสนา จำกัด 20, บริษัท เชิดชัยทัวร์ 22
เส้นทาง: นครราชสีมา – จันทบุรี 21
ระยะเวลา: ประมาณ 6-8 ชั่วโมง 23
ข้อควรพิจารณา: รถทัวร์อาจมีการจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางบ่อย 20

การเดินทางจาก ขอนแก่น และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคอีสาน

  • รถยนต์ส่วนตัว: ขับรถมาตาม ถ.มิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข 2) มุ่งหน้า นครราชสีมา (ระยะทางประมาณ 515 กม. หรือ 7-8 ชั่วโมง จากขอนแก่น 19) จากนั้นเลือกใช้เส้นทาง “นครราชสีมา – จันทบุรี” ตามที่ระบุไว้ในตารางข้างต้น
  • รถสาธารณะ (ทางเลือกที่ 1 – ดีที่สุด):
    1. นั่งรถทัวร์ หรือ รถไฟ จากขอนแก่น (หรือจังหวัดต้นทางอื่น ๆ) มาลงที่ สถานีขนส่งผู้โดยสาร นครราชสีมา
    2. จากนั้น ต่อรถทัวร์สายตรง “นครราชสีมา – จันทบุรี” ของผู้ให้บริการเช่น วิศวกรเสนา หรือ เชิดชัยทัวร์ 21
  • รถสาธารณะ (ทางเลือกที่ 2 – ใช้เวลามาก):
    1. นั่งรถทัวร์, รถไฟ หรือ เครื่องบิน จากขอนแก่น มาลงที่ กรุงเทพมหานคร (เช่น สถานีขนส่งหมอชิต) 19
    2. จากนั้น ต่อรถทัวร์ หรือ รถตู้ “กรุงเทพฯ – จันทบุรี/พลิ้ว” ตามคู่มือในหัวข้อ V

VII. บทสรุป: พลิ้ว…มากกว่าแค่สายน้ำ

การมาเยือนอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จึงไม่ใช่แค่การมาท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพื่อชมสายน้ำที่สวยงามและฝูงปลาที่น่าตื่นตา 4 แต่ยังเปรียบเสมือนการมาเยือน “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” ที่บันทึกหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของสยาม ทั้งความรัก ความสุข และความอาลัย 1

ที่นี่คือจุดบรรจบที่ลงตัวระหว่างความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ (ฝูงปลาพลวงที่ปลอดภัยเพราะพิษในตัว 3 และตะกองที่บ่งชี้ความสมบูรณ์ของป่า) กับความลึกซึ้งของเรื่องราวในอดีต (พีระมิดพระนางเรือล่ม 2) ทำให้น้ำตกพลิ้วเป็นจุดหมายปลายทางที่ “ครบถ้วน” ทั้งสำหรับร่างกายที่ต้องการความสดชื่น และจิตวิญญาณที่ต้องการดื่มด่ำกับเรื่องราวอันทรงคุณค่า

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : พลิ้วมนต์ธารา: สุดยอดคู่มือเยือนอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว จันทบุรี